ฟิลเลอร์คางเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน สามารถปรับรูปหน้าให้เห็นผลได้เร็ว และดูเป็นธรรมชาติ แต่ฟิลเลอร์คางก็มาพร้อมผลข้างเคียงอย่างอาการบวมที่เกิดขึ้นได้หลังทำในช่วงแรกๆ หากมีการดูแลที่ดีอาการบวมก็จะลดลงไว และไม่เป็นอันตรายกับร่างกาย
เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์คางมากขึ้นสามารถอ่านบทความ ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ให้เป็นก้อน และได้ทรงสวยธรรมชาติอย่างปลอดภัย
ฉีดฟิลเลอร์คาง กี่วันถึงเข้าที่?
โดยปกติหลังฉีดฟิลเลอร์คางจะใช้เวลาให้ฟิลเลอร์เข้าที่ประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ ช่วงก่อนหน้านั้นผลลัพธ์ในการฉีดจะยังไม่คงที่เพราะมีอาการบวมเข็ม หรือเป็นก้อนนูนเนื่องจากฟิลเลอร์ยังไม่สมานเข้าเป็นชั้นเดียวกับผิว ซึ่งเป็นอาการปกติซึ่งไม่ได้เกิดจากการอักเสบ แต่เกิดขึ้นจากความอิ่มฟูของผิวหลังฉีดฟิลเลอร์และรอยเข็ม
หลังฉีดฟิลเลอร์คางต้องกินยาลดอาการบวมไหม?
สามารถกินยาลดบวมหลังฉีดฟิลเลอร์คางได้ ซึ่งเป็นยาประเภทที่ช่วยห้ามเลือด เช่น Reparil, Arnica หรือ Lefttose หรือเลือกกินตามที่แพทย์แนะนำ หรือจะใช้วิธีการประคบเย็นช่วยลดบวมด้วยก็ได้เช่นกัน
ฉีดฟิลเลอร์คางบวมกี่วัน?
หลังฉีดฟิลเลอร์คางจะตามมาด้วยอาการบวมซึ่งเป็นผลข้างเคียงปกติจากการใช้เข็ม อาการบวมของแต่ละคนจะคงอยู่ในระยะเวลานานมากน้อยต่างกันตามการดูแลตัวเองเช่นกัน ปกติจะบวมค่อนข้างเยอะประมาณ 2 – 3 วันแรก หลังจากนั้นเมื่อผ่านไปประมาณ 7 – 14 วัน อาการจะค่อยๆ ลดลง พร้อมๆ กับฟิลเลอร์คางเข้าที่มากขึ้น เห็นผลลัพธ์ในการฉีดที่ชัดเจนยิ่งขึ้นตามมา
ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วบวมนาน เกิดจากอะไร?
การบวมหลังฉีดฟิลเลอร์แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ยังมีการบวมที่ผิดปกติซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย สาเหตุของการบวมที่ไม่ปกติมี 2 แบบด้วยกัน
การบวมจากฟิลเลอร์อักเสบ
อาการบวมที่เป็นนานกว่า 3 – 4 สัปดาห์ พร้อมกับความปวด หรือมีการบวมมากขึ้น ผิวเปลี่ยนเป็นสีแดง รู้สึกร้อนกว่าบริเวณอื่นๆ มีโอกาสมาจากการอักเสบของฟิลเลอร์ได้
การบวมจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม
การฉีดฟิลเลอร์ที่ผิดตำแหน่ง ฉีดลงชั้นผิวตื้นเกินไปจะทำให้ฟิลเลอร์ไม่สามารถเกะตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดเป็นก้อนอยู่ในผิว ไม่เรียบเนียน ดูแข็ง สาเหตุนี้ส่วนมากมักมาจากการฉีดกับแพทย์ที่ขาดความชำนาญ
วิธีเช็คลักษณะบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ผิดปกติ
อาการการบวมที่ผิดปกติสามารถสังเกตเห็นได้จากลักษณะดังต่อไปนี้
- คางบวมขึ้นเรื่อยๆ แม้ผ่านไปมากกว่า 2 – 3 สัปดาห์แล้ว
- มีความรู้สึกเจ็บที่คาง หรือร้อนๆ ภายในผิว
- เกิดอาการแดง หรือคล้ำบริเวณที่ฉีด
- คางเป็นก้อน ไม่เรียบเนียนนานเกิน 2 สัปดาห์
- ฟิลเลอร์ดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ
วิธีแก้คางบวมหลังฉีดฟิลเลอร์
หากเป็นอาการบวมหลังฉีดตามปกติในช่วง 7 – 14 วันแรก แล้วต้องการให้หายบวมไวขึ้น แนะนำให้ปฏิบัติตามนี้
- ควรดื่มน้ำมากขึ้นอย่างน้อย 2 – 2.5 ลิตรต่อวัน
- งดการทำเลเซอร์ผิวอย่างน้อย 1 เดือน
- ทานยาแก้ปวดลดอาการบวมตามที่แพทย์สั่งให้
- เลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น การกินอาหารที่ต้องอยู่หน้าเตา เข้าซาวน่า เป็นต้น
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
- เลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนตะแคง ป้องกันการผิดรูปหรือกดทับฟิลเลอร์
แต่หากเป็นกรณีที่บวมแบบผิดปกติหรืออักเสบแนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการแก้ไข โดยหากฉีดฟิลเลอร์ของแท้ก็ต้องใช้วิธีการฉีดสลายแต่หากใช้ฟิลเลอร์ของปลอมก็ต้องทำการผ่าตัดขูดเอาเนื้อฟิลเลอร์ออก
ถ้าฉีดฟิลเลอร์คางมาแล้วไม่ชอบ ต้องแก้อย่างไร?
วิธีแก้ฟิลเลอร์คางมีหลายวิธี แต่ละวิธีจะเหมาะกับแก้ปัญหาต่างกัน ควรเลือกให้เหมาะกับลักษณะการฉีดฟิลเลอร์ของตนเองดังนี้
ฉีดสลายฟิลเลอร์คาง
หากมีการฉีดฟิลเลอร์คางของแท้มาแล้วเกิดไม่ชอบทรง ฉีดในปริมาณมากเกินไปทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ สามารถเลือกแก้ได้โดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยสาร Hyaluronidase (HYAL) ได้เห็นผลในทันที
ขูดฟิลเลอร์คาง
หากฟิลเลอร์คางที่ฉีดมาเป็นของปลอมทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาแล้วต้องการแก้ไข ควรแก้ด้วยการขูดฟิลเลอร์ เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถสลายตัวได้เองหรือสลายได้ด้วยสาร HYAL เหมือนฟิลเลอร์ของแท้ จึงต้องทำการขูดซึ่งจะช่วยเอาฟิลเลอร์ออกได้เพียง 60 – 70%
ผ่าตัดเอาฟิลเลอร์คางออก
ฟิลเลอร์ที่เป็นประเภทซิลิโคนเหลวจะมีลักษณะที่แข็งมาก แก้ไขได้ยาก ต้องผ่านการผ่าตัดเท่านั้น มีความเสี่ยงสูง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและวางแผนการแก้ไขได้อย่างปลอดภัย
สรุป
หลังฉีดฟิลเลอร์คางหากมีการดูแลอย่างเหมาะสมอาการบวมก็จะลดลงไวขึ้นได้ แต่ที่สำคัญเลยคือต้องมั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเป็นของแท้ และฉีดกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อหรือฉีดผิดตำแหน่ง ซึ่งจะส่งผลให้บวมนานอย่างผิดปกติ หรือเป็นอันตรายได้