หลายคนอยาก เสริมจมูก แต่กังวลใจจนไม่กล้าทำ กลัวเจ็บ กลัวไม่จบ กลัวจมูกพัง ในขณะเดียวกันก็มีคนไทยจำนวนไม่น้อยเลยบินไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี หลายคนกลัวเรื่องราคาแพง ไม่มีคนดูแล และไม่รู้ว่าทำที่หมอไหนดี เอเจนซี่ศัลยกรรมเกาหลีมืออาชีพจึงเป็นอีกทางเลือกที่ทำให้คนไข้อุ่นใจมากขื้น สำหรับจมูกที่เกาหลี งบประมาณอยู่ที่ 120,000-390,000 บาท ขึ้นอยู่กับประภทวัสดุที่ใช้
วันนี้เรามีข้อมูลครบ 360 องศาเกี่ยวกับการเสริมจมูกมาฝาก เก็บรวบรวมมาจากเรื่องเล่าประสบการณ์ตรงของคนที่เคย ทำจมูก บทความจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทั้งของไทยและต่างประเทศ สำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจ เพื่อทุกคนจะได้เสริมดั้งครั้งเดียวจบได้จมูกสวยถูกใจไม่ต้องแก้ไขแล้วแก้ไขอีก
(1.) คนไทยนิยมเสริมจมูก ทรงไหนบ้าง?
ทรงจมูกที่เราเห็นในสื่อโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นจมูกทรงบาร์บี้ ทรงหยดน้ำ ทรงสโลป หรือปลายเชิด อะไรก็ตามแต่ ล้วนเป็นชื่อเรียกทางการค้า วันนี้มาทำความเข้าใจเบื้องต้นว่าทรงจมูกในอุดมคติที่สวยตลอดกาลตามหลักสัดส่วน Golden Ratio นั้นจริงๆ แล้วคืออะไร เพราะการเสริมจมูกหรือแก้ไขจมูก ศัลยแพทย์จะโฟกัส 2 ส่วนคือ ส่วนสันจมูก ความกว้างของสันจมูกและปลายจมูก
ทรงสันจมูกสโลป
สันจมูกจะต้องไม่สูงเกินไป และไล่ระดับสโลปจากหน้าผากลงมา จะทำให้มุมด้านข้างเป็นธรรมชิต สวยหวานมากๆ. เป็นการเสริมสันจมูกให้สโลปตามแนวโค้งของจมูกเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไล่ระดับสโลปตั้งแต่ช่วงหัวคิ้วแล้วค่อยๆ เป็นสันโด่งขึ้น
ความกว้างหรือฐานจมูก
สำหรับคนที่มีสันจมูกเตี้ย จริงๆที่ทำให้ดูเตี้ยอาจะเป็นเพราะฐานจมูกกว้าง ทำให้จมูกดูกว้างและต่ำ ศัลยแพทย์จะทำการลดฐานกระดูกจมูกลง ทำให้จมูกดูเรียว และเสริมสันซิลิโคนปรับสโลปธรรมชาติ
จมูกทรงปลายเชิด
หลายคนเลือกเสริมจมูกทรงนี้เพราะเชื่อว่าเป็นทรงจมูกรับทรัพย์ เหมาะสำหรับคนที่มีปลายจมูกงุ้มหรือค่อนข้างบาน ควรมีพื้นฐานของสันจมูกที่โด่งประมาณหนึ่ง และมีเนื้อปลายจมูกเยอะพอสมควร เพราะทรงนี้จะเน้นการยกจมูกช่วงปลายให้เชิดสูงขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มั่นใจพร้อมรับใบหน้าที่ ดูเฉี่ยว เปรี้ยวสะดุดตา แต่โดยส่วนใหญ่ช่วงปลายจมูกจะสูงกว่าสันประมาณ 1-2 มิลลิเมตรซึ่งจะแทบไม่สังเกตเห็น ผลที่ได้คือใบหน้าหวานฉ่ำน่ารัก และดูหน้าเด็กลงด้วย
เทรนด์การทำศัลยกรรมในปีนี้ เป็นเทรนด์ที่ทำศัลยกรรมยังไงไม่ให้โป๊ะ คนไข้ให้ความสำคัญกับการทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ละมุนที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นทรงของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ซึ่งเกิดจากปรึกษาแพทย์ประกอบการตัดสินใจ โดยดูจากพื้นฐานจมูก โครงหน้า ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจมูกโด่งสวยดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
(2.) รูปแบบการเสริมจมูก มีกี่แบบ?
การผ่าตัดเสริมจมูกมีรูปแบบหลักอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ ทั้งนี้ ไม่นับรวมการฉีดเพื่อเสริมสันจมูก
1. การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique)
ได้รับความนิยมสูงเพราะแผลผ่าตัดจะอยู่ด้านในจมูก โดยแพทย์ใส่ซิลิโคนเสริมจมูกที่ปรับแต่งทรงให้พอดีกับขนาดจมูกไปทางรูจมูก หลังจากนั้นแพทย์อาจเสริมปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหูหรือวัสดุเทียมเพื่อเพิ่มความยาวของปลายจมูก เหมาะสำหรับการช่วยแก้ปัญหาจมูกเดิมที่สั้นด้วย
- ข้อดี แผลผ่าตัดเล็กทำให้จมูกหลังผ่าตัดไม่บวมมาก ไม่มีแผลเป็น ใช้เวลาพักฟื้นน้อย
- ข้อเสีย หากเนื้อจมูกบางเกินไปอาจทำให้เห็นแท่งซิลิโคน ดูไม่เป็นธรรมชาติ ที่สำคัญคือเสี่ยงต่อการทะลุของซิลิโคนได้
2. การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique)
เป็นการศัลยกรรมที่ต้องผ่าตัดทั้งด้านนอกและด้านในของจมูกโดยเฉพาะบริเวณฐานจมูก เพราะเทคนิคนี้ทำเพื่อแก้ไขและจัดโครงสร้างพื้นฐานของกระดูกอ่อนในโพรงจมูก รวมทั้งตกแต่งส่วนของปลายจมูก วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับเปลี่ยนทรงจมูกให้เป็นทรงตามที่ต้องการมากกว่าเสริมดั้ง เช่น ทรงปลายพุ่ง ทรงหยดน้ำ เป็นต้น
- ข้อดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการทะลุของซิลิโคน จมูกโด่งสวยดูเป็นธรรมชาติ และได้ทรงจมูกตามต้องการ
- ข้อเสีย ใช้เวลาในการผ่าตัดนานกว่าวิธีแบบปิด เสี่ยงต่อการบวมช้ำมากกว่า และต้องพักฟื้นนานกว่า
3. การเสริมจมูกแบบ Korea Technique
วิธีนี้นอกจากจะใช้เทคนิคทั้งแบบเปิดและปิดด้วยแล้ว ยังใช้เทคนิคทุบกระดูกด้านข้างจมูกที่เรียกว่า Lateral Osteotomy มาร่วมด้วย ทั้งนี้เป็นเทคนิคเพื่อลดขนาดของฐานจมูก ให้ได้จมูกที่เรียวขึ้นและดูเป็นธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับคนที่มีฐานจมูกกว้าง ปลายจมูกบานและหนา
- ข้อดี สามารถแก้ไขตกแต่งรูปทรงจมูกได้ตามต้องการ และได้ทรงจมูกที่สวยเป็นธรรมชาติ
- ข้อเสีย ราคาค่อนข้างสูง พักฟื้นใช้เวลานาน และต้องได้รับการผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น
(3.) วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก
สำหรับการเสริมผ่าตัดจมูกที่ถูกต้องและปลอดภัยนั้นมีวัสดุทางการแพทย์ที่นิยมใช้อย่างกว้างขวาง 2 ประเภท
1. ซิลิโคนมาตรฐาน มี 2 แบบ
คือ ซิลิโคนสำเร็จรูปซึ่งมักขึ้นรูปสำเร็จพร้อมใส่โดยแพทย์อาจตกแต่งรูปทรงเพียงเล็กน้อย ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย และซิลิโคนแท่งโดยแพทย์จะทำหน้าที่ตกแต่งหรือที่เรียกกันว่า “เหลา” ซิลิโคนให้โด่งมากหรือน้อยตามต้องการ ซึ่งศัลยแพทย์เกาหลีจะใช้แบบซิลิโคนเหลาเฉพาะบุคคล ซึ่งสามารถออกแบบให้เข้ากับบุคคลนั้นๆ ได้ดีกว่าซิลิโคนสำเร็จรูป
- ข้อดี ของซิลิโคน แพทย์สามารถตกแต่งซิลิโคนให้เข้ากับรูปทรงของจมูกและใบหน้าคนไข้ได้
- ข้อเสียของซิลิโคนทั้งแบบสำเร็จและแบบแท่ง อาจเกิดการทะลุของซิลิโคนได้โดยเฉพาะแบบแท่ง
2. วัสดุที่มาจากร่างกายของคนไข้
กระดูกอ่อนในโพรงจมูกตัวเอง ใช้ในการเสริมปลายจมูกเพื่อตกแต่งปลายจมูกให้ยาวขึ้นและป้องกันการทะลุของซิลิโคน
- ข้อดี มีแผลจุดเดียวคือบริเวณใต้ฐานจมูกสำหรับเปิดแผลผ่าตัด
- ข้อเสีย จมูกมีความอ่อนตัว ทำให้เมื่อเวลาผ่านไป ปลายจมูกจะไม่เชิดหรือไม่อยู่ตัวเท่ากับการใช้กระดูกอ่อนหลังหู
กระดูกอ่อนหลังใบหู ส่วนใหญ่แพทย์จะใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูมารองเนื้อปลายจมูกซึ่งค่อนข้างบางเพื่อกันการทะลุของซิลิโคน
- ข้อดี ไม่มีอาการแพ้เพราะเป็นวัสดุจากร่างกายของคนไข้เอง ป้องกันการทะลุของซิลิโคน และสามารถตกแต่งปลายจมูกได้ดีกว่ากระดูกอ่อนในโพรงจมูก เพราะมีความแข็งเรงของกระดูกอ่อนมากกว่า
- ข้อเสีย มีแผลสองจุดคือ ใต้ฐานจมูกสำหรับกรีดแผลผ่าตัดและหลังหู ซึ่งการกรีดแผลเล็กน้อยหลังหูจะรู้สึกเจ็บมากกว่าการทำจมูกเสียอีก แต่ทั้งนี้เมื่อเวลาผ่านไปจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นใดๆ
กระดูกซี่โครงตัวเอง แพทย์จะใช้กระดูกซี่โครงของคนไข้เองในกรณีที่มีอาการแพ้ซิลิโคน หรือต้องการรูปทรงจมูกที่ซิลิโคนไม่สามารถทำได้ รวมทั้งเพื่อแก้ไขทรงจมูกที่เคยผ่าตัดมาแล้วหลายครั้ง และกรณีจมูกสั้นมากๆ หรือเนื้อจมูกเคยอักเสบหรือเนื้อจมูกตาย
- ข้อดี เป็นวัสดุที่แข็งกว่ากระดูกอ่อนหลังใบหูทำให้ใช้ในการเสริมสันจมูกได้ด้วยและเป็นธรรมชาติ
- ข้อเสีย ต้องอาศัยความชำนาญของศัลยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น การผ่าตัดใช้เวลานานและราคาค่อนข้างสูง รวมถึงจะทิ้งแผลเป็นจางๆ บริเวณซี่โครงบริเวณใต้ราวนมด้วย
กระดูกซี่โครงบริจาค เป็นวิธีเดียวกับการใช้กระดูกซี่โครง เพียงแต่ใช้ของผู้ตายที่บริจาคไว้
- ข้อดี ไม่ต้องเจ็บตัวผ่าตัดใช้กระดูกซี่โครงของตัวเองออกมา
- ข้อเสีย เนื่องจากไม่ใช้วัสดุที่มาจากร่างกายตัวเอง อาจทะให้ร่างกายปฎิเสธหรืออักเสบได้
เนื่อเยื่อก้นกบหรือเนื้อเยื่อไขมัน จะใช้ในการเสริมบริเวณสันจมูก เพื่อเพิ่มความสูง และใช้กระดูกอ่อนหลังหูในการเสริมปลายจมูกอีกที
- ข้อดี สำหรับคนไข้ที่มีสันสูงอยู่แล้ว ต้องการเพิ่มความสูงสันเล็กน้อย การ ใช้เนื่อเยื่อก้นกบจะปลอดภัยสูงสุดและเสริมปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู
- ข้อเสีย ไม่เหมาะกับคนที่สันจมูกเตี้ย และไขมันจะสลายไปตามธรรมชาติ 30 % เมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น หากคนไข้กังวลเรื่องความสูงของสันจมูกไม่แนะนำให้เสริมด้วยเนื้อเยื่อก้นกบ เพราะจะเชฟทรงสันจมูกได้ยากกว่าซิลิโคน
(4.) การเสริมจมูก มีขั้นตอนอย่างไร?
ในที่นี้เราจะพูดถึงขั้นตอนต่างๆ สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจจะเสริมจมูกตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันผ่าตัดเพื่อความเข้าใจในภาพรวมเบื้องต้นดังนี้
- อันดับแรก นอกจากอ่านรีวิวต่างๆ ในอินเทอร์เนตแล้ว การรีเสิร์ชชื่อหมอโรงพยาบาล ทั้งไทยและภาษาอังกฤษ จะช่วยสให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น รวมถึงปรึกษาเอเจนซี่ศัลยกรรมเกาหลีมืออาชีพสามารถช่วยจัดการและเปรียบเทียบให้
- เมื่อตัดสินใจเลือกแพทย์หรือคลินิกได้แล้ว ในเบื้องต้นควรปรึกษาแพทย์พร้อมประวัติศัลยกรรมที่เคยทำ(ถ้ามี) ผ่านทางวิดีโอคอล หรือนัดพบศัลยแพทย์แบบตัวต่อตัว โดยปกติศัลยแพทย์เกาหลีจะเวียนกันมาให้คำปรึกษาคนไข้ชาวไทยถึงกรุงเทพฯ อยู่แล้ว
- นัดวันผ่าตัดล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อสะดวกในการเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้
- ปฎิบัติตามข้อควรระวังก่อนผ่าตัดอย่างเคร่งครัด รวมถึงรับทราบอาการที่จะเกิดขั้นหลังผ่าตัด
- เมื่อถึงเวลาผ่าตัด ปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณไม่เกินสองชั่วโมง แพทย์จะเริ่มต้นจากการทำความสะอาดผิวหน้าคนไข้ ก่อนที่จะฉีดยาชาเฉพาะจุด ในบางรายอาจต้องให้ยาสลบหากเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขทรงจมูกที่ค่อนข้างยาก
- เมื่อยาชาหรือยาสลบเริ่มออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มผ่าตัดตามวิธีที่ได้ตกลงกันไว้ หลังจากเสร็จเรียบร้อยก็จะเย็บปิดแผล
- หลังจากนั้น คนไข้จะนอนพักประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้หมดฤทธิ์ยา ระหว่างนี้ต้องประคบเย็นเพื่อลดบวม
- เสร็จสิ้นการผ่าตัดและการนอนพักหลังผ่าตัดแล้ว ล่ามจะพากลับที่พักเพื่อพักฟื้นต่อที่โรงแรมหรือที่พักใกล้เคียงได้
- สำหรับคนไข้ทำจมูกจะใช้เวลาพักฟื้นอยู่เกาหลี 7 วันเพื่อรอตัดไหมและกลับประเทศไทย
(5.) วิธีเตรียมตัวก่อนวันผ่าตัดเสริมจมูก
ก่อนวันผ่าตัดเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์อาจต้องเตรียมตัวให้พร้อมหรืออย่างน้อย 24 ชั่วโมงในด้านต่างๆ ดังนี้
- อาหาร ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ งดอาหารเสริมต่างๆ ไม่รับประทานยาในกลุ่มแก้ปวดแอสไพรินอย่างน้อย 7-14 วัน หลายคนอาจแนะนำให้ดื่มยาจีนซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคลควรศึกษารายละเอียดให้ดี และควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ความสะอาด ควรทำความสะอาดร่างกาย สระผมให้เรียบร้อย เพราะหลังผ่าตัดต้องคอยระวังไม่ให้แผลถูกน้ำ และควรงดแต่งหน้าในวันผ่าตัดเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด
- การพักผ่อน ควรพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะความดันต่ำ
- ประวัติส่วนตัว เตรียมรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัวเพื่อแจ้งแพทย์ก่อนการผ่าตัด
- การเดินทาง สำหรับคนไข้ที่เดินทางไปทำศัลยกรรมเกาหลีกับเราจะจองที่พักใกล้โรงพยาบาลเพื่อง่ายต่อการเข้าคอร์สลดบวมในทุกวัน หรือหลังจากถึงสนามบินอินชอนแล้ว คนขับรถจะพาไปที่โรงพยาบาลโดยทันทีเพื่อพบศัลยแพทย์ โดยมีทีมงานล่ามไทยดูแลตลอดเวลาที่อยู่เกาหลี
(6.) วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมจมูก
แม้ส่วนใหญ่แล้วการผ่าตัดเสริมจมูกจะเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่ก็มีข้อควรระวังที่ต้องปฏิบัติตามดังนี้
- การประคบลดบวมและช้ำ ในช่วงวันแรกๆ หลังการผ่าตัดควรประคบเย็น หลังจากนั้นสองสามวันจึงค่อยประคบอุ่น
- การทำความสะอาดแผล ควรดูแลแผลวันละ 1-2 ครั้ง โดยใช้ไม้พันสำลีสะอาดชุบน้ำเกลือ ค่อยๆ เช็ดบริเวณแผล ที่สำคัญคือ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ
- การนอน ควรหนุนหมอนสูง เพื่อให้อาการบวมหายเร็วขึ้น หลายคนแนะนำให้กึ่งนั่งกึ่งนอนหากทำได้
- อาหาร ควรงดอาหารรสจัดและพยายามดื่มน้ำให้มาก งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารหมักดองและอาหารทะเล
- ยา ควรรับประทานยาแก้ปวด แก้อักเสบตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
(7.) ข้อห้ามหลังผ่าตัดเสริมจมูก
หลังวันผ่าตัดเสริมจมูกประมาณหนึ่งเดือน นับเป็นช่วงระยะเวลาสำคัญที่ต้องระวังและดูแลรักษาจมูกและร่างกายให้ดี มีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- ห้ามจับจมูก รวมทั้งการบีบ แคะ แกะ เกา สั่งน้ำมูกแรงๆ และห้ามบิดจมูกเพื่อแก้ไขด้วยตนเองเด็ดขาด
- ห้ามให้แผลโดนน้ำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ห้ามใส่แว่น ห้ามใส่หน้ากากอนามัยที่เป็นโครงเหล็กหนาและแข็ง เช่น หน้ากาก N95 เป็นต้น
- ห้ามเสริมความงามไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์ ทรีตเมนท์ ร้อยไหม ฉีดโบท๊อกซ์ ต้องงดไปก่อนประมาณหนึ่งเดือน
- ห้ามออกกำลังกายแบบหักโหม หลีกเลี่ยงการไปเล่นที่ฟิตเนสก่อน รวมทั้งกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือว่ายน้ำเป็นเวลา 1 เดือน คนไข้สามารถเวทเทรนนิ่งได้เบาๆ หลังตัดไหม
(8.) อาการแทรกซ้อน ที่อาจเกินขึ้นได้จากการเสริมจมูก
แม้ปัจจุบันนี้จะมีเทคโนโลยีอันทันสมัยช่วยให้การผ่าตัดเสริมจมูกไม่น่ากลัวอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้
- จมูกเบี้ยวหรือจมูกเอียง คือลักษณะของจมูกหลังการผ่าตัดที่ไม่ได้รูป หรือแท่งซิลิโคนไม่อยู่บนสันจมูก อาจมีทั้งลักษณะโคนจมูกเอียง ซึ่งสังเกตได้จากโคนจมูกควรอยู่ระหว่างหัวคิ้ว หรือปลายเอียง สังเกตจากปลายจมูกควรอยู่ตรงกลางของปากบน บางรายอาจเกิดอาการสันจมูกเอียงหรือเบี้ยวทั้งหมด โดยส่วนใหญ่แพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดแบบเปิดเพื่อแก้ไข
- ซิลิโคนทะลุ เกิดจากการเสริมจมูกให้ดั้งโด่งพุ่งมากเกินไปทั้งที่มีเนื้อจมูกค่อนข้างน้อย ก่อนที่ซิลิโคนจะทะลุออกมานั้นสามารถสังเกตได้จากลักษณะของสันจมูกที่มีความแวววาวหรือสะท้อนแสง รวมทั้งอาการเจ็บเล็กๆ บริเวณปลายจมูก หากซิลิโคนทะลุปลายจมูกออก แพทย์จะดึงซิลิโคนเก่าออกมาก่อนแล้วรอสักระยะหนึ่งจึงจะแก้ไขให้ใหม่
- อาการอื่นๆ นอกเหนือจากอาการดังกล่าวข้างต้น อาจเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ได้แก่ จมูกบวมช้ำมากน้อยต่างกันไปตามน้ำหนักมือแพทย์ผู้ผ่าตัด บางคนอาจรู้สึกตึงหรือเจ็บบริเวณแผลผ่าตัดซึ่งหายไปได้เอง บางรายอาจได้กลิ่นแปลกๆ ในจมูก ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นกลิ่นเลือดหรือกลิ่นยาจากแผลงคนไข้เอง หรือหากมีน้ำมูกไหลออกมาให้รีบซับให้แห้ง แต่หากสังเกตว่าเป็นเลือดหรือน้ำเหลืองไหลเรื้อรังควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
(9.) ทำไมต้องไปเสริมจมูกที่เกาหลี การเสริมจมูกที่ไทยกับเกาหลีต่างกันอย่างไร
ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันท่ามกลางบรรดาคนที่ต้องการเสริมจมูกว่า การเสริมจมูกที่ไทยหรือไปเกาหลี นั้นต่างกันอย่างไร ทำที่ไหนดีกว่ากัน ทั้งนี้การตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด
- ค่าใช้จ่ายมีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่ยอมเสียเงินบินไปทำศัลยกรรมเกาหลีเพื่อแลกกับความสวยที่หลายเสียงก็บอกว่าคุ้มค่าจริงๆ เมื่อเทียบกับการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์อันดับต้นๆ ในไทยซึ่งมีราคาไม่ต่างจากการบินไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ข้อนี้ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดก็ว่าได้ เราต้องเลือกแพทย์ที่เราไว้ใจมากที่สุด โดยแพทย์ที่ประเทศเกาหลีนั้นได้รับการฝึกและอบรม และขึ้นชื่อว่าเป็นมือวางอันดับหนึ่งในการศัลยกรรมระดับโลก ศัลยแพทย์ในไทยเองมักบินไปฝึกหัดและอบรมกับศัลยแพทย์เกาหลีอยู่บ่อยๆ
- ทรงจมูกและโครงหน้า สัดส่วนจมูกและโครงหน้าจะต้องสัมพันธ์กัน คนไข้ส่วนมากจะทำโครงหน้าพร้อมจมูกเพราะเป็นจุดที่ทำแล้วเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากสุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับความกังวลคนไข้ คุณหมอจะแนะนำตามความกังวลและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
- บริการหลังการผ่าตัด แน่นอนว่าหากเกิดปัญหาหลังการผ่าตัด การเสริมจมูกที่เมืองไทยสะดวกกว่า ประหยัดกว่า รวมถึงอุ่นใจกว่าเพราะสามารถเดินทางไปหาแพทย์ได้ทันที แต่ปัจจุบันนีการไปเสริมจมูกที่เกาหลีเป็นที่นิยมไม่แพ้กัน มีเอเจนซี่ศัลยกรรมเกาหลีดูแลทั้งในไทยและเกาหลี รวมถึงศัลยแพทย์เองก็แวะเวียนมาไทยเรื่อยๆ ระยะเวลาการอยู่เกาหลี 7 วันเป็นระยะปลอดภัยที่มั่นใจว่าจะไม่มีอาการแทรกซ้อนหลังกลับไทยไปแล้ว แต่หากจมูกมีปัญหาเช่น เบี้ยว หรือใหญ่เกินไป ต้องการแก้ไข แน่นอนว่า ต้องกลับมาแก้ที่ประเทศเกาหลี ถึงแม้จะแก้ไขฟรีจากการผิดพลาด แต่คนไข้ก็ต้องมีความพร้อมด้านค่าใช้จ่ายและการพักฟื้นรอบสองในเกาหลีด้วย
ไม่ว่าจะเลือกเสริมจมูกที่ไทยหรือเกาหลี ควรปรึกษาแพทย์และพูดคุยทำความเข้าใจสิ่งที่เราต้องการให้แน่ชัด ทั้งนี้เพื่อจะได้เจ็บแต่จบในครั้งเดียวและได้จมูกสวยๆ มาครอบครองเพิ่มความมั่นใจและเสริมความงามให้เราได้อย่างเต็มร้อย
(10.) รีวิวคนไทยศัลยกรรมเสริมจมูก แก้ไขจมูกที่เกาหลี
สุดท้ายนี้ ขอบคุณข้อมูลจากทั้งที่ปรึกษาความงาม เว็บไซต์ https://www.srsurgeryreview.com และ http://en.suiprs.com รวมทั้งเรื่องเล่าจากผู้มีประสบการณ์จริงเสริมจมูกอย่างปลอดภัย
จะเห็นได้ว่าการทำศัลยกรรมไม่ใช่แค่ขึ้นเตียง ผ่าตัด พักฟื้น ตัดไหมแล้วจบ กว่าจมูกและใบหน้าจะเข้าที่อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกคนย่อมรู้สึกกังวลใจไม่น้อยเลย การมีเพื่อนคู่คิดเคียงข้างให้คำปรึกษาตลอดเส้นทางตั้งแต่ก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำกระทั่งกลับมาถึงเมืองไทย จะช่วยให้รู้สึกอุ่นใจและกล้าเสริมความงามด้วยความมั่นใจ
หากใครต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการศัลยกรรมเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้จาก Srsurgery (Surgery Review) ซึ่งเป็นเอเจนซี่รับดูแลคนไข้ที่ต้องการไปศัลยกรรมที่เกาหลีโดยตรง ประสบการณ์ยาวนานกว่า 5 ปี รวมเคสคนไข้ทั้งหมดกว่า 1,000 เคส ทำให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้เป็นอย่างดี รับรองได้ว่าไม่มีผิดหวัง